ลา ลีกา ศึกฟุตบอลยูฟ่า เนชั่น ลีก กลุ่ม A4 ถือว่ามีผลสกอร์ที่เกินคาดไปมาก เมื่อสเปนเปิดบ้านถล่มเอาชนะเยอรมัน ทีมแกร่งไปถึง 6-0 เป็นสถิติแพ้มากที่สุดในรอบกว่า 90 ปีของขุนพลอินทรีเหล็ก และเป็นผลงานการเล่นที่น่าตื่นตาตื่นใจของเหล่ากะทิงดุ สเปนมากๆ ยิ่งเมื่อมองว่าผู้เล่นชุดนี้เป็นบรรดาแข้งวัยหนุ่มที่กำลังโลดแล่นอยู่บนเวทีฟุตบอลและพรีเมียร์ลีกทั้งนั้น
ลูกทีมของหลุยส์ เอ็นริเก้ในช่วงฟีฟ่า เดย์รอบนี้มีแข้งซีเนียร์แค่เซร์คิโอ รามอส กัปตันวัย 34 ปีจากเรอัล มาดริดและเซร์จิโอ บุสเกตส์ รองกัปตันทีม กองกลางตัวรับวัย 32 ปีจากบาร์เซโลน่า โดยมีโกเก้ กัปตันเบอร์สามและเดวิด เด เกฮา นายทวารของแมนฯ ยูไนเต็ดแค่ 2 คนเท่านั้นที่มีจำนวนเกมเกิน 40 นัด ที่เหลือล้วนแต่เป็นบรรดาแข้งวัยหนุ่มอายุช่วง 23-27 ปี
ผู้เล่นชุดนี้เป็นนักเตะใน ลา ลีกา มากถึง 15 คน ที่เหลือส่วนใหญ่ก็เล่นกับทีมดังในอังกฤษ
ยิ่งเกมที่ลงสนามยิงอินทรีเหล็ก 6-0 ผู้เล่นชุดสิบเอ็ดคนแรก อูไน ซิม่อน นายทวารจากบิลเบาวัย 23 ปี กองหลังใช้รามอส (34) แซร์กี้ โรแบร์โต้(28) จากบาร์ซ่า เปา ตอร์เรส(23) จากบียาร์รีลและโฆเซ่ กาย่า(25) จากบาเลนเซีย ตรงกลางมีโรดรี้(24) จากแมนฯ ซิตี้, แซร์จิโอ กานาเลส(29) จากเบตีส, ดาเนียล โอลโม่(22) จากไลป์ซิก, โกเก้(28) แอตฯ มาดริด และแฟร์ราน ตอร์เรส(20) จากแมนฯ ซิตี้ โดยมีกองหน้าตัวเป้าเป็นอัลวาโร่ โมราต้า(28) จากสโมสรยูเวนตุส
เท่านั้นยังไม่พอ ตอนที่กานาเลสเจ็บ ตัวที่เปลี่ยนลงมาแทน หลุยส์ เอ็นริเก้ก็เลือกใช้งานฟาเบียน(24) ดาวเตะนาโปลีทำหน้าที่แทน จากบรรดาผู้เล่นที่ได้ลงสนามและไม่ได้ลงสนาม ค่าอายุเฉลี่ยของสเปนชุดนี้แค่ 24 กว่าๆ แถมยังมีถึง 16 คนที่มีอายุช่วง 22-26 ปี มองแล้วก็มีเวลาที่จะลงเล่นร่วมกันในนามทีมชาติสเปนอีกนาน
สิ่งนี้สะท้อนให้เห็นว่าผลผลิตของนักเตะจาก ลา ลีกา สเปนในช่วงที่ผ่านมากำลังเบ่งบานอีกครั้ง หลังจากชุดที่ครองทั้งยุโรปและโลกซึ่งผลิตขึ้นมาในช่วงอายุรุ่นราวคราวเดียวกัน ต่อยอดจากการเป็นแชมป์ระดับเยาวชนตอนช่วงปี 2007-2008 ที่มีทั้งซาบี, อินเนสต้า, รามอส, ตอร์เรส หรือราอูล จนก้าวขึ้นมาสู่ชุดทีมชาติชุดใหญ่ มาคราวนี้ก็ไม่ต่างกัน นักเตะในชุดแชมป์รุ่นต่ำกว่า 19 ปีก็มีมาร์โก้ อเซ็นซิโอ้ เป็นผู้เล่นเด่นในชุดนี้
ผู้เล่นที่ไม่ได้เล่นอยู่ใน โดยเฉพาะที่ไปอยู่พรีเมียร์ลีกในปีนี้ทั้งโรดรี้และแฟร์ราน ตอเรส ต่างก็เพิ่งย้ายไปเป็นปีแรก ซึ่งนั่นแปลว่าก่อนหน้านี้พวกเขาคือสุดยอดของ เช่นกัน
การได้เห็นผลงานของผู้เล่นอายุไม่มากนักพากันโดดเด่นในแต่ละเวที ไม่ว่าจะ เซเรีย อา หรือพรีเมียร์ลีก มันทำให้สเปนหายใจโล่งขึ้น หลังจากที่มีผลงานในระดับนานาชาติไม่ถึงเป้าในหลายทัวร์นาเม้นต์ที่ผ่านมา
การกลับมาคุมทีมชาติอีกครั้งของหลุยส์ เอ็นริเก้ หลังจากสามารถผ่านพ้นปัญหาส่วนตัวไปได้ ทำให้สเปนในช่วงที่ไร้กุนซือรายนี้ดร็อปลงไปพอควร เมื่อกะทิงดุได้เอ็นริเก้กลับมาพร้อมกับช่วงเวลาเฉิดฉายของแข้งผลผลิต มันชวนให้ติดตามต่อไปว่าสเปนจะกลับมาทวงตำแหน่งราชาแห่งยุโรปได้อีกหรือไม่ทั้งในรอบสุดท้ายเนชั่น ลีกและรอบสุดท้ายยูโร 2020
