มาราโดน่า ทั้งสื่อทั้งแฟนบอลทั่วโลกต่างพากันไว้อาลัยอย่างสุดซึ้งกับการลาลับจากโลกนี้ไปของดาวเตะระดับตำนานอย่าง “ดีเอโก้ มาราโดน่า” เมื่อมีรายงานจากสื่อชั้นนำของอาร์เจนติน่าทั้ง “โอเล่” และ “กลาริน” ว่า
มาราโดน่า ได้เสียชีวิตไปเป็นที่เรียบร้อยแล้วด้วยวัยเพียง 60 จากอาการหัวใจวาย

เมื่อวันพุธที่ 25 พฤศจิกายน 2563เมื่อวันพุธที่ผ่านมาตามเวลาท้องถิ่นในอาร์เจนติน่าทั้งสองสื่อต่างรายงานว่ามีรถฉุกเฉินระดมกันร่วมกัน 10 คันมุ่งหน้าไปยังที่พำนักของมาราโดน่า ซึ่งอยู่ที่ทางตอนเหนือของบรูเอโนสไอเรสใกล้ ๆ กับซาน แอนเดรส โดยมาราโดน่าใช้เป็นที่พักฟื้นหลังจากเพิ่งเข้ารับการผ่าตัดรักษาอาการลิ่มเลือดในสมองมาหมาด ๆ
ทั้งนี้ตามรายงานดังกล่าวยังระบุด้วยว่ามีหนึ่งในพยาบาลที่ทำหน้าที่ช่วยยื้อชีวิตมาราโดน่าถึงกับร้องออกมาด้วยความตกใจสุดขีดเมื่อพบว่ามาราโดน่ามีอาการสงสัยว่าหัวใจวายทั้งที่ยังไม่มีทีมแพทย์คนใดไปถึงจนไม่สามารถกระชากวิญญาณมาราโดน่าจากเงื้อมมือของพญามัจจุราชได้สำเร็จ

มาราโดน่านับได้ว่าเป็นหนึ่งในระดับแข้งระดับตำนานเทียบเท่า “เปเล่” โดยเหตุการณ์ที่สร้างชื่อเสียงให้กับมาราโดน่ากระฉ่อนไปทั่วโลกนั่นก็คือ “แฮนด์ ออฟ ก็อด” จากการที่มาราโดน่าใช้มือปัดลูกบอลเข้าไปประตูไปในจังหวะกระโดดขึ้นโหม่งช่วยให้ทีมฟ้าขาวเฉือนชนะอังกฤษ 2-1 ในรอบตัดเชือกศึกฟุตบอลโลก 1986 ที่เม็กซิโกเป็นเจ้าภาพ ก่อนที่มาราโดน่าจะพาอาร์เจนติน่าคว้าแชมป์ไปได้ในบั้นปลายจากการเบียดเอาชนะเยอรมันตะวันตกไปอย่างดุเดือด 3-2

อย่างไรก็ดีมาราโดน่าก็มีช็อตเด็ดตราตรึงใจคอบอลทั่วโลกไปตลอดกาลนั่นก็คือ ในแมตช์ฉาวดังกล่าวมาราโดน่าก็ได้โชว์สเต็ปเทพด้วยการกระชากลากเลื้อยวันแมนโชว์จากกว่าครึ่งสนามแหวกผ่านบรรดาแข้งสิงโตคำรามเข้าไปซัลโวได้อย่างสุโค่ย ขณะเดียวกันมาราโดน่าก็ได้สร้างความสำเร็จเอาไว้อย่างมากมายในระดับสโมสรให้กับทีมดังในกัลโช่เซเรียอาอย่างนาโปลี นอกจากนี้มาราโดน่ายังเคยเข้ามารับหน้าที่กุมบังเหียนทีมฟ้าขาวแต่ก็ทำผลงานได้ไม่น่าประทับใจตามที่ทุกคนวาดฝันกันเอาไว้ ทำให้สุดท้าย “เสือเตี้ย” จึงยอมลงจากเก้าอี้เพื่อเปิดโอกาสให้ผู้ที่มีความเหมาะสมมากกว่าได้ก้าวขึ้นไปทำหน้าที่แทนนั่นเอง