ผ่านมาถึงการแข่งขันสัปดาห์ที่ 5 ของรอบแบ่งกลุ่มฟุตบอลถ้วยยุโรปทั้งสองรายการ เหล่าตัวแทนจาก พรีเมียร์ลีก ในเวทีแชมเปี้ยนลีก 3 ใน 4 ทีมสามารถผ่านเข้ารอบสุดท้ายไปได้เรียบร้อย
ลิเวอร์พูลเป็นแชมป์กลุ่มเมื่อเก็บชนะเหนืออาแจ็กซ์ได้ 1-0 แมนฯ ซิตี้บุกไปเสมอปอร์โต้และจูงมอกันเข้ารอบ โดยเรือใบสีฟ้ามีลุ้นเป็นแชมป์กลุ่มสูงมาก ส่วนเชลซีก็มีแต้มมากพอที่จะเข้ารอบไปพร้อมกับเซบีย่าตั้งแต่จบนัดที่ 4 แล้ว เหลือเพียงแมนฯ ยูไนเต็ดที่ยังพอมีลุ้นเข้ารอบพอๆ กับพลิกล็อกตกรอบได้ โดยขอเพียงแต้มเดียวก็น่าจะเพียงพอ
ฝั่งถัวยยูโรป้า ลีก ทั้งอาร์เซน่อลและเลสเตอร์น่าจะลอยลำเข้ารอบต่อไปไม่ยาก เมื่อครองจ่าฝูงและมีแต้มห่างๆ จากทีมร่วมกลุ่ม ขณะที่สเปอร์แม้จะยังต้องลุ้น แต่ก็ไม่น่าพลาดที่จะเก็บเพิ่มอย่างน้อย 3 แต้มเพื่อเข้ารอบต่อไป
สำหรับทีมที่ผ่านเข้ารอบไปแล้วก็จะกลับมาโฟกัสเกม พรีเมียร์ลีก
กันอย่างเต็มที่ เพราะปีนี้ดูจะเป็นงานยากในการคว้าแชมป์สำหรับทุกทีม ด้วยว่าต่างมีอุปสรรคขวางทางในแบบใครแบบมันมากเหลือเกิน
หงส์แดง แชมป์เก่า พรีเมียร์ลีก กับปัญหาผู้เล่นบาดเจ็บยกแผง โดยเจอร์เก้น คล็อปป์ต้องเจอรายงานว่ามีกี่คนที่ไม่พร้อมลงเล่นไป ซึ่งจำนวนรวมมากสุดเคยดีดไปหยุดอยู่ที่ 8 รายในเวลาเดียวกัน ทำให้ต้องหมุนเวียนนักเตะอย่างต่อเนื่องมาทุกสัปดาห์
ขณะที่ทีมแมนฯ ซิตี้ของเป๊บ กวาร์ิโอล่าก็หนักอกหนักใจกับการยิงประตูได้น้อยลง ประสิทธิภาพในการเข้าทำยังคงสูงมากแต่การเปลี่ยนให้เป็นสกอร์ที่เคยทำได้อย่างง่ายดายหายไปหมด
สเปอร์กลายเป็นทีมที่มีผลงานน่ากลัวมากใน พรีเมียร์ลีก ทีมมีกุนซือชั้นดีอย่างโฆเซ่ มูรินโญ่ มีกองหน้าคู่สุดคมแฮร์รี่ เคนกับซง เฮือง มิน แต่ปัญหาในเรื่องของแนวรับและความต่างระดับของตัวจริงกับตัวสำรองยังทำให้ระยะยาวน่าจะเป็นกังวลอยู่
ส่วนเชลซีที่แม้โดยรวมแล้วจะมีความสมดุลเกมรุกเกมรับ การครองบอลและการสร้างสรรค์โอกาสทำประตูดีมาก เสียตรงที่แฟร้งค์ แลมพาร์ดยังอ่อนบารมีจนข่มคู่แข่งไม่ได้ พร้อมที่จะหลุดจากการคุมอารมณ์ซึ่งเป็นสิ่งสำคัญประกอบการตัดสินใจ จนท้ายที่สุดก็เป็นเรื่องของประสบการณ์คุมทีมที่ยังมีน้อยเกิน
