ฤดูกาลนี้มีสองเกมที่แซร์คิโอ บุสเกสต์ กองกลางตัวรับของบาร์เซโลน่าโดนเปลี่ยนตัวออกหลังผ่านไป 45 นาที นั่นหมายถึงว่า ผู้เล่นที่เคยถูกยกเป็นกองกลางตัวรับที่ดีที่สุดในโลกเริ่มมีบทบาทสำคัญต่อสโมสรเจ้าบุญทุ่มน้อยลง หรือจะมองว่าเขาไม่ดีเหมือนเดิมแล้วก็เป็นได้
ด้วยอายุอานาม 32 ปีของ บุสเกสต์ ไม่ได้แปลว่าเจ้าตัวจะพ้นวัยเล่นฟุตบอลระดับสูง
ของลา ลีกาได้ไปแล้ว ผู้เล่นอายุเยอะในปัจจุบันหลายรายก็ยังทำผลงานได้ดี เพียงแต่ชายผู้เคยสร้างนิยามการเล่นแบบที่เรียกว่า “เล่นบอลแบบบุสเกสต์” กำลังเผชิญกับการแข่งขันเพื่อแย่งตำแหน่งในสนามกับผู้เล่นที่บาร์เซโลน่าเพิ่งเสริมมาในซีซั่นนี้ มิราเล็ม ปานิช
โรนันด์ คูมันน์ บอสใหญ่บาร์ซ่าเปลี่ยนบุสเกสต์ออกหลัง 45 นาที ในเกมแชมเปี้ยนลีกนัดเยือนยูเวนตุส และเกมลา ลีกากับอลาเบส สะท้อนให้เห็นว่านายใหญ่ชาวฮอลแลนด์เลือกที่จะเชื่อมั่นในแผงกองหลัง 4 ตัวว่าเอาอยู่ และเห็นดีเห็นงามกับการใช้ผู้เล่นที่มีศักยภาพในเกมรุกด้วยมากกว่าบทบาทที่บุสเกสต์ทำมาตลอด
ความเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้นกับบาร์เซโลน่าส่วนหนึ่งคือ ศักยภาพเกมรุกของพวกเขาด้อยลงไปมาก หลังยุคของสามประสานเมสซี่ เนย์มาร์ ซัวเรส โดยเฉพาะตอนนี้ ถ้าเป็นเกมที่ลีโอเนล เมสซี่ ผู้เล่นคนสำคัญเล่นไม่ออก บาร์ซ่าจะเจอกับอาการไปไม่เป็น แผนการเล่น 4-2-3-1 ของเจ้าบุญทุ่มในสไตล์ของคูมันน์ ที่ใช้งานบุสเกสต์คู่กับไนเจล เดอ ยองก็ไม่จำเป็นต้องมีตัวเล่นเกมรับดีสองคนก็ได้ ผู้เล่นที่ควรใช้ในแผน 4-3-3 หรือ 4-4-2 ก็คือการเสริมตัวรุกลงไป และปานิชก็ตอบโจทย์นี้ ผู้เล่นแบบที่ไม่ทำให้เกมรับดร็อปลงแต่เพิ่มศักยภาพเกมรุกที่หลากหลายกว่า
การมาถึงของมิราเล็ม ปานิช กองกลางชาวบอสเนียที่มีทักษะในการเล่นเกมรับและรุกได้อย่างสมดุลที่สุดคนหนึ่ง ถือเป็นออฟชั่นที่ดีและเป็นที่ต้องการของทุกสโมสรอยู่แล้ว บาร์เซโลน่าก็เหมือนกัน การจะสู้รบในเกมดวลแข้งระดับสูงกับคู่แข่งในลา ลีกาเอง หรือในเกมยุโรป จำเป็นต้องมีผู้เล่นแบบออลราวด์ ทำได้ทุกอย่างเหมือนที่ปานิชมีให้
แผงมิดฟิลด์ทรงเก่าของบาร์เซโลน่าในแบบฉบับของบอสชาวดัตช์ จึงเหลือที่ว่างให้บุสเกสต์น้อยลง และน่าจะเป็นช่วงเวลาที่อึดอัด และตีบตันที่สุด ของกองกลางตัวรับที่เป็นแบบอย่างของกองกลางตัวรับทั้งโลก ตลอดช่วงทศวรรษที่ผ่านมา
ต้องไม่ลืมว่าบุสเกสต์เติบโตมากับบาร์ซ่าในยุคสมัยของอดีตประธานสโมสรคนเดิม เขาเป็นเหมือนไอคอนหนึ่งของบาร์เซโลน่าที่้เกิดจากยุคดังกล่าว เคียงข้างมากับเมสซี่และปิเก้ ทว่าแนวทางของประธานสโมสรคนใหม่ ที่อยู่ระหว่างการเลือกตั้งในมกราคมปีหน้า อาจจะเป็นตัวชี้วัดว่าในเวลาอันใกล้ต่อจากนี้ จะเป็นเวลาที่บุสเกสต์ยังอยู่ในฐานะผู้เล่นที่มีความสำคัญสำหรับบาร์เซโลน่า หรือเป็นส่วนเกินไปแล้วกันแน่
